ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
Loading YT Video
KNIPEX
Quality — Made in Germany

การคุ้มครองข้อมูล

คำประกาศเรื่องการคุ้มครองข้อมูล (เว็บไซต์) ของบริษัท KNIPEX-Werk C. Gustav Putsch KG ตามหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation/GDPR)

I. ชื่อและที่อยู่ของผู้รับผิดชอบ

ในที่นี้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบตามหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปและกฎหมายระดับชาติอื่นๆ ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รวมถึงข้อกำหนดทางกฎหมายอื่นๆ คือ

 

KNIPEX-Werk
C. Gustav Putsch KG
42337 Wuppertal
Oberkamper Str. 13
42349 Wuppertal
โทร.:    02 02 / 47 94 - 0
แฟกซ์:    02 02 / 47 50 58
อีเมล:    [email protected]
เว็บไซต์: www.knipex.de
 

II. ชื่อและที่อยู่ของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้รับผิดชอบให้ดูแลเรื่องการคุ้มครองข้อมูล คือ

Arndt Halbach
GINDAT GmbH
Wetterauer Str. 6
42897 Remscheid
โทร.: (02191) 909 430
แฟกซ์: (02191) 909 50 430
อีเมล: [email protected]

III. เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1. ขอบเขตของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
โดยพื้นฐานแล้ว เราจะทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการเว็บไซต์ของเราเฉพาะในกรณีที่การประมวลผลดังกล่าวนั้นจำเป็นต่อการคงสภาพของเว็บไซต์ รวมถึงเนื้อหา และบริการต่างๆ ของเราให้สามารถใช้งานได้เท่านั้น ตามปกติการประมวลผลข้อมูลผู้ใช้บริการจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับความเห็นชอบจากผู้ใช้เท่านั้น กรณียกเว้นคือ กรณีที่มีเหตุผลแท้จริงที่ไม่
 
สามารถดำเนินการขอความเห็นชอบจากผู้ใช้บริการก่อนได้และในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ทำการประมวลผลข้อมูลนั้นได้

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีที่เราขอความเห็นชอบจากผู้ใช้บริการสำหรับขั้นตอนต่างๆ ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ
กรณีที่เราประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาซึ่งบุคคลผู้นั้นเป็นคู่สัญญา เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร b ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ เช่นเดียวกับในกรณีของการประมวลผลข้อมูลซึ่งจำเป็นสำหรับมาตรการต่างๆ ก่อนทำสัญญา
กรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นเพื่อให้เราสามารถดำเนินการตามหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งเราในฐานะผู้ประกอบการจำเป็นต้องดำเนินการ เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร c ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ
กรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์สุขต่อชีวิตของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลตามธรรมชาติรายอื่น เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร d ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ
กรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต่อการรักษาผลประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทของเราหรือของบุคคลที่สาม และเป็นกรณีที่ผลประโยชน์ สิทธิขั้นพื้นฐาน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูลมีความสำคัญน้อยกว่าผลประโยชน์ที่กล่าวถึงเบื้องแรก เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ

3. การลบข้อมูลและระยะเวลาในการจัดเก็บ
เราจะลบหรือปิดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเมื่อวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลนั้นไม่ดำรงอยู่ต่อไปแล้ว นอกเหนือจากนี้ จะมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลได้ ต่อเมื่อสภาสหภาพยุโรปหรือสภาแห่งชาติได้กำหนดเรื่องดังกล่าวไว้ในข้อกำหนด กฎหมาย หรือข้อบังคับอื่นๆ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในระดับสหภาพและมีผลบังคับใช้ต่อบริษัท จะปิดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและลบข้อมูลนั้นๆ ด้วยเมื่อกำหนดระยะเวลาสำหรับการบันทึกข้อมูลที่ได้รับอนุญาตตามข้อกฎหมายดังระบุเบื้องต้นสิ้นสุดลง ยกเว้นกรณีที่จำเป็นต้องมีการบันทึกต่อไปเพื่อให้สามารถทำสัญญาหรือเพื่อให้เป็นไปตามข้อสัญญาได้

IV. การเปิดให้ใช้เว็บไซต์และการจัดเก็บล็อกไฟล์ [Logfile]

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล
ทุกครั้งที่มีการคลิกอินเตอร์เน็ทเว็บไซต์ของเรา ระบบของเราจะเก็บข้อมูลของระบบคอมพิวเตอร์ที่คลิกเข้ามาโดยอัตโนมัติ
โดยในขั้นตอนดังกล่าว จะมีการเก็บข้อมูลดังต่อไปนี้:

    • ข้อมูลเกี่ยวกับประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์
    • ข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของผู้ใช้
    • ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ทของผู้ใช้
    • ไอพีแอดเดรส [IP address] ของผู้ใช้
    • วันและเวลาตอนที่มีการคลิกเข้ามาใช้
    • เว็บไซต์ที่นำพาระบบของผู้ใช้มายังอินเตอร์เน็ทเว็บไซต์ของเรา
    • เว็บไซต์ที่ระบบของผู้ใช้คลิกต่อจากอินเตอร์เน็ทเว็บไซต์ของเรา

ข้อมูลดังกล่าวจะได้รับการบันทึกไว้ในล็อกไฟล์ [log file] ของระบบของเราด้วย จะไม่มีการบันทึกของมูลเหล่านี้ร่วมกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูล
สำหรับการบันทึกข้อมูลและล็อกไฟล์ชั่วคราว เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ

3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล
การให้ระบบบันทึกไอพีแอดเดรสไว้ชั่วคราวมีความจำเป็นเพื่อให้สามารถส่งเว็บไซต์ไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการได้ ในการนี้ต้องมีการบันทึกไอพีแอดเดรสของผู้ใช้ไว้ระหว่างที่เข้ามาใช้เว็บไซต์

จำเป็นต้องบันทึกในล็อกไฟล์เพื่อให้เว็บไซต์ทำงานได้ นอกจากนี้แล้วข้อมูลดังกล่าวช่วยในการพัฒนาประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อประกันความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของเรา ไม่มีการนำข้อมูลเหล่านั้นไปวิเคราะห์เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดแต่อย่างใด

วัตถุประสงค์เหล่านี้ถือเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของเราในการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)

4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้
จะลบข้อมูลเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลนั้นแล้ว สำหรับกรณีการเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถเข้าใช้เว็บไซต์ได้นั้น ก็จะทำการลบข้อมูลเมื่อการใช้เว็บไซต์สิ้นสุดลงแล้ว

ในกรณีการบันทึกข้อมูลในล็อกไฟล์ จะทำการลบอย่างช้าที่สุดภายในเจ็ดวัน อาจบันทึกไว้นานกว่ากำหนดดังกล่าวนั้นได้ ในกรณีนี้จะลบไอพีแอดเดรสหรือทำการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรสของผู้ใช้เพื่อให้ไม่สามารถระบุตัวผู้เข้ามาใช้ได้

5. ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้าง
การเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้เว็บไซต์ได้และการเก็บข้อมูลไว้ในล็อกไฟล์เป็นเรื่องจำเป็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สำหรับการเปิดเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้บริการจึงไม่สามารถเลือกที่จะปฏิเสธการเก็บข้อมูลนี้
 

V. การใช้คุกกี้ *[1]

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ คุกกี้เป็นหน่วยข้อมูลขนาดเล็กที่ถูกจัดเก็บไว้ในเบราว์เซอร์หรือที่เบราว์เซอร์จัดเก็บเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของผู้เข้ามาใช้เว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้ส่งคำสั่งเรียกดูเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง ก็สามารถมีการบันทึกคุกกี้ลงไปในระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ได้ คุกกี้บันทึกชุดสัญลักษณ์เฉพาะตัวชุดหนึ่งซึ่งทำให้ระบุตัวเบราว์เซอร์ได้อย่างถูกต้องเมื่อใช้เบราว์เซอร์นั้นเรียกดูเว็บไซต์เดิมอีกครั้ง

เราใช้คุกกี้เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเปิดดูเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เว็บไซต์ของเรามีส่วนประกอบบางอย่างที่ทำให้สามารถระบุตัวเบราว์เซอร์ได้แม้ว่าจะเปลี่ยนไปใช้เพจอื่นแล้วก็ตาม

ในตัวคุกกี้จะมีการบันทึกและเรียกดูข้อมูลต่างๆ ดังนี้:

    • การตั้งค่าภาษา
    • ข้อมูลเกี่ยวกับการล็อกอิน
    • การตั้งค่าความละเอียดของจอภาพ
    • การยอมรับคุกกี้ (แบนเนอร์แจ้งให้ทราบ)

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูล
สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยการใช้คุกกี้ เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ

3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล
วัตถุประสงค์ของการใช้คุกกี้ซึ่งจำเป็นในทางเทคนิค คือ การทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เว็บไซต์ได้สะดวกขึ้น หากไม่ใช้คุกกี้ เราจะไม่สามารถเสนอฟังก์ชั่นการใช้งานบางอย่างของเว็บไซต์เราให้แก่ผู้ใช้ได้ เพื่อให้ฟังก์ชั่นเหล่านี้ใช้งานได้ จึงมีความจำเป็นที่ต้องสามารถระบุตัวเบราว์เซอร์ได้แม้จะได้มีการเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ไปแล้วก็ตาม

เราจำเป็นต้องใช้คุกกี้สำหรับแอพพลิเคชั่นต่อไปนี้:

    • การตั้งค่าภาษา
    • ข้อมูลเกี่ยวกับการล็อกอิน
    • การตั้งค่าความละเอียดของจอภาพ
    • การยอมรับคุกกี้ (แบนเนอร์แจ้งให้ทราบ)
 
ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการซึ่งคุกกี้ที่จำเป็นทางเทคนิคจัดเก็บมานั้นจะไม่ถูกนำมาใช้ทำแฟ้มประวัติของผู้ใช้

วัตถุประสงค์เหล่านี้ถือเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของเราในการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)

4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้, ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้าง
คุกกี้จะถูกเก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการเว็บไซต์และจะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์นั้นมาที่เรา ด้วยเหตุนี้ท่านในฐานะผู้ใช้บริการจึงสามารถควบคุมการใช้คุกกี้ได้อย่างเด็ดขาด ท่านสามารถตั้งค่าของเบราว์เซอร์ไม่ให้ทำการส่งต่อคุกกี้หรือจำกัดการส่งต่อคุกกี้ ท่านสามารถลบคุกกี้ที่มีการบันทึกข้อมูลลงไว้แล้วได้ตลอดเวลา โดยสามารถตั้งค่าให้เบราว์เซอร์ลบโดยอัตโนมัติก็ได้ หากได้มีการตั้งค่าไม่ให้ส่งต่อคุกกี้มาที่เว็บไซต์ของเรา ก็อาจเป็นไปได้ว่าท่านจะไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นทุกอย่างในเว็บไซต์ของเราได้

การเก็บข้อมูลเพื่อให้สามารถใช้เว็บไซต์ได้และการเก็บข้อมูลไว้ในล็อกไฟล์เป็นเรื่องจำเป็นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สำหรับการเปิดเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้บริการจึงไม่สามารถเลือกที่จะปฏิเสธการเก็บข้อมูลนี้

*[1] เกี่ยวกับการใช้คุกกี้เพื่อวิเคราะห์เว็บไซต์ดูส่วนที่ IX. การวิเคราะห์เว็บไซต์

VI. จดหมายข่าว [Newsletter]

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล
สามารถรับจดหมายข่าวเป็นประจำได้ โดยในการลงทะเบียนเพื่อขอรับจดหมายข่าวนั้น ที่เพจสำหรับลงทะเบียนเราจะเรียกข้อมูลดังต่อไปนี้
ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บ:

 

  • คำนำหน้าชื่อ
  • ชื่อและนามสกุล
  • บริษัท
  • อีเมล
  • สาขาธุรกิจ

นอกจากนี้แล้วยังเก็บข้อมูลต่อไปนี้อีกด้วย: วันและเวลาที่ทำการลงทะเบียน
เพื่อให้สามารถทำการประมวลผลข้อมูลของท่านได้ เราจะขอความเห็นชอบจากท่านและแจ้งให้ท่านทราบถึงคำประกาศเรื่องการคุ้มครองข้อมูลนี้
สำหรับส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลเพื่อนำส่งจดหมายข่าวถึงท่านนั้น จะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ ให้บุคคลที่สาม ข้อมูลต่างๆ จะถูกใช้เพื่อนำส่งจดหมายข่าวถึงท่านเท่านั้น

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูล
สำหรับการประมวลผลข้อมูลหลังจากผู้ใช้บริการลงทะเบียนรับจดหมายข่าว เมื่อผู้ใช้บริการได้ประกาศเห็นชอบกับเรื่องดังกล่าวแล้ว เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ
 
3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล
วัตถุประสงค์ของการบันทึกอีเมลแอดเดรสของผู้ใช้คือ เพื่อให้สามารถส่งจดหมายข่าวถึงผู้ใช้ได้ การบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ในกระบวนการลงทะเบียนมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการนำบริการหรืออีเมลแอดเดรสที่แจ้งไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้
จะลบข้อมูลเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลนั้นแล้ว สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่บันทึกในขั้นตอนการลงทะเบียนนั้นจะถูกลบเมื่อผู้ใช้บอกเลิกการรับจดหมายข่าวแล้ว

5. ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้าง
ผู้ใช้มีสิทธิบอกเลิกการรับจดหมายข่าวได้ตลอดเวลา ในจดหมายข่าวทุกฉบับจะมีลิงก์ระบุไว้เพื่อการนี้
การบอกเลิกรับจดหมายข่าวจะเท่ากับเป็นการบอกเลิกความเห็นชอบให้ทำการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับการจัดเก็บระหว่างขั้นตอนการลงทะเบียนไปพร้อมกันด้วย

VIII. แบบฟอร์มเพื่อการติดต่อและการติดต่อผ่านอีเมล

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล

บนเว็บไซต์ของเรามีแบบฟอร์มเพื่อการติดต่อหลายประเภทซึ่งล้วนแต่จัดทำขึ้นเพื่อให้สามารถใช้ในการติดต่อผ่านระบบอิเล็คทรอนิคได้ หากผู้ใช้เลือกใช้บริการนี้ ก็จะมีการส่งข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้าในเพจสำหรับกรอกข้อมูลมาที่เราและจะมีการบันทึกเก็บไว้ ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ได้แก่:
 

  • เจ้าหน้าที่ที่ติดต่อด้วย
  • ชื่อ
  • อีเมล
  • ถนน
  • รหัสไปรษณีย์
  • เมือง
  • ประเทศ
  • ข้อความที่ต้องการส่ง

นอกจากนี้แล้วตอนส่งข้อความจะมีการบันทึกข้อมูลดังต่อไปนี้:วันและเวลาที่ส่งเพื่อให้สามารถทำการประมวลผลข้อมูลของท่านได้ เราจะขอความเห็นชอบจากท่านและแจ้งให้ท่านทราบถึงคำประกาศเรื่องการคุ้มครองข้อมูลนี้ ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือการติดต่อโดยส่งอีเมลมาที่อีเมลแอดเดรสที่ระบุไว้ ในกรณีนี้จะมีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งมาพร้อมกับอีเมลของผู้ใช้ไว้ข้อมูลเหล่านั้นสามารถส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในองค์กรของเราเท่าที่จำเป็นสำหรับการตอบเรื่องที่ท่านสอบถามเข้ามา ข้อมูลจะถูกใช้เพื่อการจัดการกับการติดต่อสื่อสารระหว่างเรากับผู้ใช้เท่านั้น2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูลสำหรับการประมวลผลข้อมูลหลังจากผู้ใช้บริการประกาศแสดงความเห็นชอบแล้ว เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการสำหรับการประมวลผลข้อมูลที่ส่งเข้ามาพร้อมกับการส่งอีเมล เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ หากการติดต่อผ่านอีเมลมีเป้าหมายเพื่อการทำสัญญา เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร b ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการเพิ่มเติม3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจากเพจสำหรับกรอกข้อมูลมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถจัดการกับเรื่องที่ผู้ใช้ติดต่อเข้ามาหาเราเท่านั้น ถือว่ากรณีการติดต่อผ่านอีเมลนี้เป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของเราในการประมวลผลข้อมูลส่วนข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ได้รับการประมวลผลในขั้นตอนการส่งมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้แบบฟอร์มติดต่อไปในทางที่ไม่ถูกต้องและเพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของเรา4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้จะลบข้อมูลเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลนั้นแล้ว ข้อมูลส่วนบุคคลที่มาจากเพจสำหรับกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มการติดต่อและข้อมูลซึ่งส่งผ่านอีเมลจะถูกลบเมื่อการสนทนากับผู้ใช้สิ้นสุดลง การสนทนาหนึ่งจะถือว่าจบเมื่อมองจากรูปการแล้วเห็นได้ว่าเรื่องที่ถูกสอบถามได้รับการตอบอย่างชัดเจนสิ้นกระบวนความแล้วข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมที่ถูกเก็บระหว่างการส่งจะถูกลบเมื่อเห็นได้ว่าเรื่องที่ถูกสอบถามได้รับการตอบอย่างชัดเจนสิ้นกระบวนความแล้วเช่นเดียวกัน5. ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้างผู้ใช้สามารถบอกเลิกความเห็นชอบของตนต่อการการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้ตลอดเวลา กรณีติดต่อเข้ามาหาเราผ่านอีเมล ผู้ใช้สามารถแสดงความเห็นด้วยกับการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของตนได้ตลอดเวลา ในกรณีเช่นนั้นจะไม่สามารถทำการสนทนาต่อไปได้ผู้ใช้สามารถบอกเลิกความเห็นชอบและแสดงความไม่เห็นด้วยกับการบันทึกข้อมูลได้ด้วยการส่งอีเมลไปยัง [email protected]ในกรณีนี้ข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับการบันทึกเมื่อมีการติดต่อระหว่างเรากับผู้ใช้จะถูกลบทิ้ง

IX. การวิเคราะห์เว็บไซต์โดย Matomo (ก่อนหน้านี้ชื่อ PIWIK)

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล
เราใช้ซอฟท์แวร์ทูลโอเพ่นซอร์ส [Open-Source-Software-Tool] ชื่อ Matomo (ก่อนหน้านี้ชื่อ PIWIK) บนเว็บไซต์ของเราเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการเซิร์ฟของผู้ใช้เว็บไซต์ ซอฟท์แวร์ดังกล่าวจะส่งคุกกี้ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ (ดูข้อมูลเรื่องคุกกี้ด้านบน) เมื่อผู้ใช้คลิกดูเนื้อหาของเว็บไซต์ จะมีการบันทึกข้อมูลดังต่อไปนี้:
 

  • สองไบต์ของเลขไอพีแอดเดรสของระบบปฏิบัติการของผู้ใช้
  • เว็บไซต์ที่ถูกเรียกดู
  • เว็บไซต์ที่ถูกเรียกดูก่อนที่จะเข้ามายังเว็บไซต์ที่ถูกเรียกดู (referer)
  • หน้าหลักย่อย (subpage) ที่เรียกดูจากเว็บไซต์
  • ระยะเวลาที่อยู่บนเว็บไซต์
  • อัตราความถี่ในการเรียกดูเว็บไซต์

ซอฟท์แวร์ดังกล่าวปฏิบัติงานอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของเราเท่านั้น ซอฟท์แวร์ดังกล่าวทำการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ลงที่นั่นเท่านั้น ไม่มีการส่งข้อมูลต่อให้บุคคลที่สาม    

ซอฟท์แวร์ได้รับการตั้งค่าให้บันทึกไอพีแอดเดรสไม่ครบสมบูรณ์ แต่บันทึกเพียงสองไบต์แรกของไอพีแอดเดรสเท่านั้น (เช่น 192.168.xxx.xxx) ด้วยวิธีการนี้จะไม่สามารถระบุเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เรียกดูเว็บไซต์ได้อีก

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูล
สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ

3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้เราวิเคราะห์พฤติกรรมการเซิรฟ์ของผู้ใช้ได้ การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจะทำให้เราสามารถสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ของเราได้ นี่จะช่วยให้เราพัฒนาเว็บไซต์ได้ต่อไปและช่วยให้ผู้ใช้ใช้เว็บไซต์ของเราได้สะดวกมากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์เหล่านี้ถือเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของเราในการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) การปิดไม่ให้เห็นไอพีแอดเดรสถือเป็นมาตรการในการช่วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้
จะลบข้อมูลเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลนั้นแล้ว ในกรณีของเรานั้นจะทำการลบข้อมูลเมื่อเวลาผ่านไปสามปีแล้ว

5. ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้าง
คุกกี้จะถูกเก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการเว็บไซต์และจะถูกส่งจากคอมพิวเตอร์นั้นมาที่เรา ด้วยเหตุนี้ท่านในฐานะผู้ใช้บริการจึงสามารถควบคุมการใช้คุกกี้ได้อย่างเด็ดขาด ท่านสามารถตั้งค่าของเบราว์เซอร์ไม่ให้ทำการส่งต่อคุกกี้หรือจำกัดการส่งต่อคุกกี้ ท่านสามารถลบคุกกี้ที่มีการบันทึกข้อมูลลงไว้แล้วได้ตลอดเวลา โดยสามารถตั้งค่าให้เบราว์เซอร์ลบโดยอัตโนมัติก็ได้ หากได้มีการตั้งค่าไม่ให้ส่งต่อคุกกี้มายังเว็บไซต์ของเรา ก็อาจเป็นไปได้ว่าท่านจะไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นทุกอย่างในเว็บไซต์ของเราได้
ท่านสามารถตัดสินใจได้ที่นี่ว่าจะให้มีการส่งคุกกี้วิเคราะห์เว็บไซต์ไปยังเบราว์เซอร์ของท่านหรือไม่เพื่อให้ผู้ทำเว็บไซต์สามารถเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้ หากท่านไม่เห็นชอบด้วยกับเรื่องนี้ กรุณาคลิกที่ลิงค์นี้เพื่อให้มีการติดตั้งคุกกี้ปิดการทำงานของ Matomo ลงในเบราว์เซอร์ของท่าน

ขณะนี้การเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของท่านได้ถูกบันทึกข้อมูลโดยฟังก์ชั่นวิเคราะห์โฆษณาของ Matomo กรุณาคลิกที่นี่เพื่อไม่ให้เบราว์เซอร์ของท่านถูกบันทึกข้อมูลนี้

ด้วยวิธีการนี้จะมีการติดตั้งคุกกี้อีกตัวหนึ่งลงในระบบของท่านซึ่งคุกกี้ดังกล่าวจะส่งสัญญาณบอกระบบของเราไม่ให้บันทึกข้อมูลของผู้ใช้ หากในระหว่างนั้นผู้ใช้ได้ทำการลบคุกกี้ที่ว่านั้นไปจากระบบของตัวเองแล้ว เขาก็ต้องติดตั้ง Opt-Out-Cookie ใหม่

ท่านสามารถรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของซอฟท์แวร์ของ Matomo ได้ที่ลิงก์นี้: https://matomo.org/docs/privacy/

X. การวิเคราะห์เว็บไซต์โดย Google Analytics

1. คำอธิบายเรื่องการประมวลผลข้อมูลและขอบเขตของการประมวลผลข้อมูล

เราใช้ซอฟท์แวร์ทูลชื่อ Google Analytics บนเว็บไซต์ของเราเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการเซิร์ฟของผู้เข้ามาใช้เว็บไซต์ ซอฟท์แวร์ดังกล่าวจะส่งคุกกี้ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ (ดูข้อมูลเรื่องคุกกี้ด้านบน) เมื่อผู้ใช้คลิกดูเนื้อหาของเว็บไซต์ จะมีการบันทึกข้อมูลดังต่อไปนี้:
 

  • สองไบต์ของเลขไอพีแอดเดรสของระบบปฏิบัติการของผู้ใช้
  • เว็บไซต์ที่ถูกเรียกดู
  • เว็บไซต์ที่ถูกเรียกดูก่อนที่จะเข้ามายังเว็บไซต์ที่ถูกเรียกดู (referer)
  • หน้าหลักย่อย (subpage) ที่เรียกดูจากเว็บไซต์
  • ระยะเวลาที่อยู่บนเว็บไซต์
  • อัตราความถี่ในการเรียกดูเว็บไซต์

เว็บไซต์นี้ใช้ประโยชน์จากรายงานของ Google Analytics เกี่ยวกับลักษณะด้านประชากรศาสตร์ซึ่งใช้ข้อมูลจากโฆษณาของ Google ที่อิงกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละรายและข้อมูลของผู้เข้าเยี่ยมชมจากผู้ให้บริการในลำดับที่สาม (เช่น อายุ เพศ และความสนใจ) ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถ
 
ใช้ระบุกลับไปยังผู้ใช้เป็นรายบุคคลได้และสามารถปิดไม่ให้เกิดการบันทึกข้อมูลดังกล่าวได้ด้วยการเข้าไปตั้งค่าในการแสดงโฆษณา

ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ของเราที่บันทึกจากคุกกี้ (รวมถึงไอพีแอดเดรสของท่าน) จะถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์แห่งใดแห่งหนึ่งของ Google ในสหรัฐอเมริกาและจะถูกบันทึกไว้ที่นั่น Google จะใช้ข้อมูลนั้นเพื่อวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์นี้ของท่านเพื่อทำรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมของเว็บไซต์ให้ผู้ให้บริการเว็บไซต์ดังกล่าวและเพื่อให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เว็บไซต์และการใช้อินเตอร์เน็ท

ในบางกรณี Google อาจส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้บุคคลที่สาม หากกฎหมายกำหนดไว้เช่นนั้นหรือบุคคลที่สามนั้นได้รับมอบหมายจาก Google ให้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นให้แก่ตน Google จะไม่มีนำไอพีแอดเดรสของท่านไปเชื่อมต่อกับข้อมูลอื่นๆ ของ Google ท่านสามารถป้องกันไม่ให้มีการติดตั้งคุกกี้ด้วยการตั้งค่าเบราว์เซอร์ของท่าน อย่างไรก็ดี เราขอเรียนให้ท่านทราบว่า ในบางกรณีการตั้งค่าในลักษณะนี้อาจทำให้ท่านไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นบางอย่างในเว็บไซต์ของเราได้

ซอฟท์แวร์ได้รับการตั้งค่าให้บันทึกไอพีแอดเดรสไม่ครบสมบูรณ์ แต่บันทึกเพียงแค่สองไบต์แรกของไอพีแอดเดรสเท่านั้น (เช่น 192.168.xxx.xxx) ด้วยวิธีการนี้จะไม่สามารถระบุเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้เรียกดูเว็บไซต์ได้อีก

2. พื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการประมวลผลข้อมูล
สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เรายึดถือมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) เป็นพื้นฐานทางกฎหมายในการดำเนินการ

3. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูล
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลช่วยให้เราวิเคราะห์พฤติกรรมการเซิรฟ์ของผู้ใช้ได้ การวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาจะทำให้เราสามารถสร้างฐานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ของเราได้ นี่จะช่วยให้เราพัฒนาเว็บไซต์ได้ต่อไปและช่วยให้ผู้ใช้ใช้เว็บไซต์ของเราได้สะดวกมากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์เหล่านี้ถือเป็นผลประโยชน์อันชอบธรรมของเราในการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) การปิดไม่ให้เห็นไอพีแอดเดรสถือเป็นมาตรการในการช่วยคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

4. ระยะเวลาการบันทึกข้อมูลไว้
เมื่อได้ทำการเปลี่ยนแปลงปกปิดไอพีแอดเดรสแล้วจึงไม่ถือว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอีก ด้วยเหตนี้ไอพีแอดเดรสที่ถูกเปลี่ยนแปลงแล้วนี้จะไม่ถูกลบโดยอัตโนมัติ

5. ทางเลือกที่จะปฏิเสธและให้ลบล้าง
นอกจากนี้ท่านสามารถป้องกันไม่ให้มีการบันทึกข้อมูลของท่านเกี่ยวกับการใช้เว็บไซต์ (รวมถึงไอพีแอดเดรสของท่าน) ที่สร้างขึ้นโดยคุกกี้ไปให้ Google และป้องกันไม่ให้มีการประมวลผล
 
ข้อมูลเหล่านี้โดย Google โดยทำการดาวน์โหลด Browser-Plugin ที่ลิงก์นี้ (http://tools.google.com/dlpage/gaoptout?hl=de) และติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวนี้ในเบราว์เซอร์ของท่าน

เมื่อติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวแล้ว จะมีการติดตั้งคุกกี้ที่เรียกว่า Opt-Out-Cookies ซึ่งจะป้องกันไม่ให้มีการบันทึกข้อมูลของท่านเมื่อท่านเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์นี้อีกในอนาคต ปิดการทำงานของ Google Analytics

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่
http://tools.google.com/dlpage/gaoptout?hl=de หรือ http://www.google.com/intl/de/analytics/privacyoverview.html (ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับ Google Analytics และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) เราขอแจ้งให้ท่านรับทราบว่า บนเว็บไซต์นี้ได้มีการขยายการทำงานของ Google Analytics โดยโค้ดชื่อ „gat._anonymizeIp();“ เพื่อให้สามารถบันทึกไอพีแอดเดรสโดยไม่ระบุนาม (ซึ่งเรียกว่า IP-Masking) ได้

XI. การใช้โซเชียลมีเดีย

เว็บไซต์ของเราใช้ Plugins ของโซเชียลมีเดียต่างๆ („Facebook“, „Twitter“, „Instagram“ „YouTube“, „Xing“) โดยทำเป็น Buttons ตราสัญลักษณ์ของโซเชียลมีเดียแต่ละแห่งเอาไว้ เมื่อท่านเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา แถบป้ายให้กดนี้จะปิดการทำงานอยู่หรือเพียงแค่เป็นลิงก์เท่านั้น ถ้าไม่ได้กดที่แถบป้ายดังกล่าวก็จะไม่มีการส่งข้อมูลใดๆ ไปที่โซเชียลมีเดียเหล่านั้น

เมื่อท่านคลิกที่แถบลิงก์ดังกล่าว ก็จะมีการเชื่อมต่อโดยตรงไปที่โซเชียลมีเดียแต่ละแห่งตามที่ท่านกด หากท่านล็อกอินในโซเชียลมีเดียอยู่ก่อนแล้ว ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียก็จะสามารถระบุแอ็คเคาน์ทของท่านได้ หากท่านไม่ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เราแนะนำให้ท่านทำการล็อกเอาท์ออกจากระบบของโซเชียลมีเดียนั้นๆ เสียก่อน กรณีที่ท่านไม่ได้เป็นสมาชิกของโซเชียลมีเดียดังกล่าว ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียจะสามารถระบุไอพีแอดเดรสของท่านได้และทำการบันทึกข้อมูลนั้นไว้ หากท่านไม่ประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เราแนะนำว่าท่านไม่ควรกดลิงก์ของโซเชียลมีเดียนั้น

Knipex ไม่มีอำนาจตรวจสอบควบคุมว่าโซเชียลมีเดียแต่ละแห่งบันทึกข้อมูลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ใดและบันทึกข้อมูลใดบ้างและจะนำไปประมวลผลหรือใช้ข้อมูลเหล่านั้นอย่างไร หากท่านต้องการทราบข้อมูลเหล่านี้ ขอให้ท่านอ่านคำประกาศเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของโซเชียลมีเดียแต่ละแห่งว่ามีข้อกำหนดเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิของท่านในเรื่องดังกล่าวนี้อย่างไรบ้า

XII. DoubleClick

DoubleClick เป็นบริการอย่างหนึ่งของ Google Inc., 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, CA 94043, USA (“Google”) DoubleClick ทำงานโดยใช้คุกกี้เพื่อเสนอโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของท่านให้ท่านได้เห็น ในการนี้ คุกกี้ดังกล่าวจะตั้งเลขรหัสประจำตัว (ID) ให้กับเบราว์เซอร์ของท่านเพื่อตรวจสอบว่ามีโฆษณาอะไรบ้างเคยขึ้นที่หน้าเบราว์เซอร์ของท่านและเบราว์เซอร์ของท่านเคยคลิกดูโฆษณาใดบ้าง การใช้ DoubleClick-Cookies ทำให้ Google และเว็บไซต์หุ้นส่วนสามารถแสดงโฆษณาโดยใช้ข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราและ
 
เว็บไซต์อื่นในอินเตอร์เน็ท ท่านสามารถปิดการทำงานของคุ้กกี้นี้ได้อย่างถาวรได้ที่นี่  https://www.google.com/settings/ads/plugin?hl=de

เราลิงก์วีดีโอจากยูทูปมาที่เว็บไซต์ของเราด้วย โดยเป็นวีดีโอที่ถูกบันทึกข้อมูลไว้ที่ www.youtube.com และสามารถดูได้โดยตรงบนเว็บไซต์ของเรา ในการเชื่อมต่อไปที่วีดีโอเหล่านี้ เราใช้ "โหมดขยายของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล" ของ YouTube ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ YouTube ประกาศว่า ไม่มีการบึนทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้เว็บไซต์ของเรา นอกจากว่า ผู้ใช้คลิกเข้าไปดูวีดีโอ แม้ว่าจะใช้โหมดขยายของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว แต่ก็เป็นไปได้ว่า Google อาจใช้ DoubleClick Cookies เพื่อประโยชน์ด้านการค้า ท่านสามารถปิดการทำงานของคุ้กกี้นี้ได้อย่างถาวรได้ที่นี่  https://www.google.com/settings/ads/plugin?hl=de

XIII. สิทธิของบุคคลที่ได้รับผลกระทบ

หากมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ก็ถือว่าท่านเป็นผู้ได้รับผลกระทบตามหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และท่านมีสิทธิต่างๆ ดังต่อไปนี้ซึ่งสามารถเรียกร้องได้จากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ:

1. สิทธิในการเรียกขอข้อมูล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องคำยืนยันจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบว่าผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านหรือไม่
หากมีการประมวลผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านสามารถเรียกข้อมูลเหล่านี้จากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้:
 

  • วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • ประเภทข้อมูลที่ถูกประมวลผล
  • ผู้รับหรือประเภทของผู้รับที่เคยหรือจะได้รับทราบข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่าน
  • ระยะเวลาที่วางแผนไว้จะทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านไว้ หรือหากเป็นกรณีที่ไม่สามารถให้ข้อมูลอย่างเป็นรูปธรรมในการนี้ได้ ท่านก็สามารถเรียกข้อมูลเกี่ยวกับหลักการในการกำหนดระยะเวลาการเก็บข้อมูลเอาไว้นานเท่าใด
  • มีสิทธิที่จะให้ทำการแก้ไขหรือให้ลบล้างข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านหรือไม่ มีสิทธิที่จะให้มีการจำกัดกรอบการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านโดยผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบหรือไม่ หรือมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านหรือไม่
  • มีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลในเรื่องนี้หรือไม่
  • ข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่เกี่ยวกับที่มาของข้อมูล กรณีข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ถูกบันทึกจากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
  • มีการใช้ฟังก์ชั่นการตัดสินใจโดยระบบอัตโนมัติรวมถึง Profiling ตามมาตรา 22 วรรค 1 และ 4 หลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และมีข้อมูลที่มีน้ำหนัก – อย่างน้อยที่สุดในกรณีเหล่านี้ – เกี่ยวกับโลจิค [logic] ที่เกี่ยวข้องรวมถึงขอบเขตและผลพวงที่มุ่งหมายจากการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบในการนี้ (ปัจจุบันไม่ได้ใช้)

ท่านมีสิทธิที่จะเรียกขอข้อมูลว่าได้มีการจัดส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านไปยังประเทศที่สามหรือองค์กรระหว่างประเทศแห่งใดแห่งหนึ่งหรือไม่ ในส่วนนี้ท่านสามารถเรียกร้องหลักประกันอันเหมาะสมตามนัยยะมาตรา 46 หลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ว่าจะมีการแจ้งข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้ท่านได้รับทราบ

2. สิทธิในการเรียกร้องให้แก้ไขข้อมูล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทำการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านให้ถูกต้องหรือทำให้ข้อมูลนั้นครบถ้วนสมบูรณ์ หากข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านซึ่งถูกประมวลผลแล้วไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องดำเนินการแก้ไขทันที

3. สิทธิในการเรียกร้องให้จำกัดขอบเขตการประมวลผล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องให้จำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้:
 

  • เมื่อท่านตั้งข้อสงสัยต่อความถูกต้องของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านสำหรับห้วงเวลาหนึ่งที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องใช้เพื่อตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  • เมื่อการประมวลผลข้อมูลไม่ชอบด้วยกฎหมายและท่านปฏิเสธการลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่เรียกร้องให้จำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
  • เมื่อผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลอีกต่อไป แต่ยังจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเหล่านั้นเพื่อการเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิตามกฎหมาย หรือการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย
  • เมื่อท่านยื่นคำประท้วงการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 21 วรรค 1 หลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ไว้แล้ว และยังไม่เป็นที่เด็ดขาดว่าเหตุผลอันชอบธรรมของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบมีน้ำหนักมากกว่าเหตุผลของท่านหรือไม่

หากมีการจำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่าน อนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นได้ – ไม่นับรวมการเก็บบันทึก – ก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบหรือเพื่อการเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิตามกฎหมาย หรือการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย หรือเพื่อป้องกันสิทธิของบุคคลตามธรรมชาติหรือนิติบุคคล หรือเพราะเหตุผลเพื่อประโยชน์สุขอันสำคัญของสาธาราณะของสหภาพยุโรปหรือประเทศสมาชิก
 
หากมีการจำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามเงื่อนไขดังระบุตามเบื้องต้น ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะแจ้งให้ท่านได้รับทราบก่อนที่จะมีการยกเลิกการจำกัดนั้น

4. สิทธิในการเรียกร้องให้ลบข้อมูล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทำการลบข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านโดยทันที และผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบมีหน้าที่ต้องทำการลบข้อมูลเหล่านั้นโดยทันที ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้:

a) หน้าที่ที่ต้องลบข้อมูล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องให้จำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้:
 

  • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านไม่มีความจำเป็นต่อวัตถุประสงค์ซึ่งเป็นเหตุให้มีการเก็บข้อมูลนี้และการประมวลผลข้อมูลนี้ในเบื้องแรกอีกต่อไปแล้ว
  • เมื่อท่านบอกเลิกความเห็นชอบที่เป็นพื้นฐานของการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร a หรือตามมาตรา 9 วรรค 2 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายอย่างอื่นที่ให้ทำการประมวลผลข้อมูลได้ดำรงอยู่
  • เมื่อท่านเรียกคืนความเห็นชอบที่เป็นพื้นฐานของการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 21 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) และไม่ปรากฏเหตุผลอันชอบธรรมที่อยู่เหนือขึ้นไปสำหรับการประมวลผลข้อมูล หรือเมื่อท่านเรียกคืนความเห็นชอบที่เป็นพื้นฐานของการประมวลผลข้อมูลตามมาตรา 21 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)
  • เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านถูกประมวลผลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
  • เมื่อมีความจำเป็นต้องลบข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเพื่อให้ดำเนินการหน้าที่ตามกฎหมายของสหภาพยุโรปหรือประเทศสมาชิกซึ่งเป็นกฎหมายที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามให้บรรลุผล
  • เมื่อมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับบริการของบริษัทด้านข้อมูลตามมาตรา 8 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)
  • ข้อมูลที่ส่งไปยังบุคคลที่สาม

หากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้ทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านและมีหน้าที่ต้องลบข้อมูลเหล่านั้นตามมาตรา 17 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็มีหน้าที่ต้องดำเนินมาตรการต่างๆ เท่าที่เป็นไปได้ตามเทคโนโลยีในห้วงเวลาและโดยคำนึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ – รวมถึงมาตรการทางเทคนิคด้วย - เพื่อแจ้งให้ผู้รับผิดชอบเรื่องการประมวลผลข้อมูลซึ่งทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้รับทราบว่าท่านในฐานะผู้ได้รับผลกระทบได้เรียกร้องให้มีการลบลิงก์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นหรือให้มีการลบก็อปปี้และการผลิตซ้ำของข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้น

b) ข้อยกเว้น
ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลหากข้อมูลนั้นจำเป็นต่อการประมวลผลข้อมูลในเรื่องต่อไปนี้
 

  • เพื่อให้เป็นไปตามสิทธิในการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและสิทธิในการได้รับข้อมูล
  • เมื่อมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลเพื่อให้สามารถดำเนินการหน้าที่ตามกฎหมายของสหภาพยุโรปหรือประเทศสมาชิกซึ่งเป็นกฎหมายที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามให้บรรลุผล หรือเพื่อปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายเพื่อประโยชน์สุขของสาธารณะหรือเพื่อทำตามอำนาจสาธารณะที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้รับมอบหมายมา
  • เนื่องจากเหตุผลเพื่อประโยชน์สุขของสาธารณะในสาขาสาธารณสุขตามมาตรา 9 วรรค 2 ตัวอักษร h และ i และมาตรา 9 วรรค 3 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)
  • เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านงานจดหมายเหตุอันเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ วัตถุประสงค์ด้านการค้นคว้าทางวิชาการและทางประวัติศาสตร์ และเพื่อวัตถุประสงค์ด้านสถิติตามมาตรา 89 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ในกรณีที่คาดการได้ว่าสิทธิดังระบุในส่วน a) จะทำให้การบรรลุเป้าประสงค์เหล่านี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรือมีผลกระทบอย่างมาก หรือ
  • เพื่อการเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิตามกฎหมาย หรือการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย

5. สิทธิที่จะได้รับการบอกกล่าวให้ทราบ

หากท่านใช้สิทธิในการเรียกร้องให้แก้ไข ลบ หรือจำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลต่อผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็มีหน้าที่ที่ต้องแจ้งให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นไปทราบเรื่องการแก้ไข ลบ หรือจำกัดขอบเขตการประมวลผลข้อมูลนั้น นอกเสียจากว่า ปรากฏข้อเท็จจริงว่าไม่สามารถดำเนินการได้หรือขั้นตอนในการดำเนินการซับซ้อนไม่สมเหตุสมผลที่จะต้องทำ

ท่านมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบแจ้งให้ท่านทราบว่ามีใครที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบ้าง

6. สิทธิที่จะโอนถ่ายข้อมูล
ท่านมีสิทธิเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านในรูปแบบที่มีโครงสร้าง เข้าถึงได้ และใช้เครื่องอ่านได้ให้แก่ท่าน นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิที่จะส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบรายอื่นโดยผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบซึ่งท่านได้มอบข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านให้ไปก่อนหน้านี้ไม่สามารถขัดขวางได้ โดยมีเงื่อนไขว่า
(1) การประมวลผลข้อมูลดำเนินไปบนพื้นฐานการแสดงความเห็นชอบตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) หรือมาตรา 9 วรรค 2 ตัวอักษร a ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) หรือบนพื้นฐานของสัญญาตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร b ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)
(2) ใช้ระบบอัตโนมัติช่วยในการประมวลผลข้อมูล
ในการใช้สิทธิข้อนี้ ท่านสามารถเรียกร้องให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบรายหนึ่งทำการโอนถ่ายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านไปให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบอีกรายหนึ่ง หากสามารถดำเนินการดังกล่าวได้ในทางเทคนิค อย่างไรก็ดี ห้ามไม่ให้กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นจากการดำเนินการนี้
ไม่สามารถใช้สิทธิที่จะเรียกร้องให้โอนถ่ายข้อมูลสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติภารกิจที่เป็นผลประโยชน์ของสาธารณะหรือเพื่อทำตามอำนาจสาธารณะที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้รับมอบหมายมา

7. สิทธิที่จะแสดงการคัดค้าน
ท่านมีสิทธิที่จะอ้างเหตุผลอันเกิดจากสถานการณ์พิเศษของท่านเพื่อคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านที่ดำเนินไปตามมาตรา 6 วรรค 1 ตัวอักษร e หรือ f ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ได้ตลอดเวลา เรื่องนี้ให้มีผลแบบเดียวกันกับการทำ Profiling ที่วางอยู่บนพื้นฐานข้อกำหนดนี้
หากมีการใช้สิทธิดังกล่าว ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจะยุติการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่าน นอกเสียจากว่า ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสามารถหาเหตุผลอันจำเป็นที่ต้องปกป้องไว้มาสนับสนุนความจำเป็นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้น โดยต้องเป็นเหตผลที่มีน้ำหนักมากกว่าผลประโยชน์ สิทธิ และเสรีภาพของท่าน หรือในกรณีที่การประมวลผผลข้อมูลส่วนบุคคลดำเนินไปเพื่อการเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย การดำเนินการให้เป็นไปตามสิทธิตามกฎหมาย หรือการป้องกันสิทธิตามกฎหมาย
หากมีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเพื่อจัดทำโฆษณาทางตรง ท่านก็มีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดทำโฆษณาเหล่าได้ตลอดเวลา เรื่องนี้ให้มีผลแบบเดียวกันกับการทำ Profiling กรณีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโฆษณาทางตรงจำพวกนี้
หากท่านคัดค้านการประมวลผลข้อมูลเพื่อจัดทำโฆษณาทางตรง ก็จะไม่มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้อีกต่อไป

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของบริษัทด้านข้อมูล – โดยไม่คำนึงถึงแนวทางปฏิบัติ 2002/58/EU – ท่านสามารถใช้สิทธิคัดค้านของท่านได้โดยอาศัยขั้นตอนอัตโนมัติที่มีการใช้ข้อกำหนดคุณลักษณะ

8. สิทธิที่จะบอกเลิกคำประกาศแสดงความเห็นชอบเรื่องการคุ้มครองข้อมูล
ท่านมีสิทธิที่จะบอกเลิกคำประกาศแสดงความเห็นชอบเรื่องการคุ้มครองข้อมูลได้ตลอดเวลา การบอกเลิกคำประกาศแสดงความเห็นชอบจะไม่ส่งผลกระทบต่อความชอบธรรมทางกฎหมายของการประมวลผลข้อมูลที่ดำเนินมาก่อนหน้านั้นจนกระทั่งถึงห้วงเวลาที่ทำการบอกเลิก

9. การตัดสินใจโดยระบบอัตโนมัติเฉพาะรายรวมถึงการทำ Profiling
ท่านมีสิทธิที่จะปฏิเสธกระบวนการตัดสินใจที่มีรากฐานมาจากการประมวลผลด้วยระบบอัตโนมัติเพียงอย่างเดียวเท่านั้นต่อเรื่องต่างๆ ของท่าน โดยการตัดสินใจเหล่านั้นมีผลทางกฎหมายหรือมีผลกระทบต่อท่านอย่างมากในลักษณะคล้ายกัน แต่สิทธินี้ไม่อาจใช้ได้ สำหรับการตัดสินใจ

  •  ที่จำเป็นสำหรับการทำสัญญาหรือการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของสัญญาระหว่างท่านกับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ
  •  ที่กฎหมายของสหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกที่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องปฏิบัติตามอนุญาตให้กระทำได้และกฎหมายเหล่านั้นมีการกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการคงไว้ซึ่งสิทธิ และเสรีภาพรวมถึงผลประโยชน์อันชอบธรรมต่างๆ ของท่านเอาไว้แล้ว
  • เมื่อท่านได้ประกาศแสดงความเห็นชอบไว้อย่างชัดเจนแล้ว

อย่างไรก็ดี ห้ามไม่ให้การตัดสินใจเหล่านี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประเภทพิเศษของข้อมูล ส่วนบุคคลตามมาตรา 9 วรรค 1 ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ

สหภาพยุโรป (GDPR) หากมาตรา 9 วรรค 2 ตัวอักษร a หรือ g ของหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR) ไม่มีผลบังคับใช้ และได้มีการกำหนดมาตรการอันเหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของท่านไว้แล้ว

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรณีตาม (1) และ (3) ให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกำหนดมาตรการอันเหมาะสมเพื่อคงไว้ซึ่งสิทธิและเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของท่าน โดยอย่างน้อยที่สุดมาตรการเหล่านี้ต้องประกอบด้วยสิทธิในฝั่งของผู้รับผิดชอบที่จะเรียกร้องให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งดำเนินการอะไรบางอย่าง สิทธิในการแสดงจุดยืนของตนเอง และสิทธิในการโต้แย้งการตัดสินใจ

10. สิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำกับดูแล
โดยไม่กระทบต่อมาตรการเยียวยาทางกฎหมายปกครองและทางศาล ในกรณีที่ท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านขัดต่อหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ
สหภาพยุโรป (GDPR) ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนต่อหน่วยงานที่กำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศสมาชิกซึ่งท่านพำนักอาศัยอยู่ ทำงานอยู่ หรือในท้องที่ซึ่งสันนิษฐานว่าได้มีการกระทำผิดกฎหมาย

หน่วยงานที่กำกับดูแลที่รับเรื่องร้องเรียนจะรายงานให้หัวหน้าฝ่ายร้องเรียนรับทราบความคืบหน้าของเรื่องร้องเรียนและผลของการร้องเรียนรวมถึงความเป็นไปได้ในการนำเรื่องขึ้นสู่ศาลตามมาตรา 78 หลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (GDPR)